เวียดนามกำลังเดินหน้าปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ด้วยเป้าหมายปรับลดข้าราชการกว่า 100,000 ตำแหน่ง และยุบหรือควบรวมกระทรวงอย่างน้อย 5 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซ้ำซ้อน และประหยัดงบประมาณรัฐ โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม 2568

การปฏิรูปครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเวียดนาม ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายใน 20 ปีข้างหน้า การลดขนาดภาครัฐไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล แต่ยังเปิดโอกาสให้จัดสรรทรัพยากรไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และภาคการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม การปรับลดข้าราชการจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานและสังคม เวียดนามจึงมีแนวคิดเตรียมมาตรการรองรับ เช่น โครงการฝึกอบรมและสนับสนุนให้ข้าราชการที่ถูกเลิกจ้างเข้าสู่ภาคเอกชน ซึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างเทคโนโลยีและการผลิตอาจได้รับประโยชน์จากแรงงานกลุ่มนี้

หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิรูปครั้งนี้คือ โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งกล่าวว่า “บางครั้งเราต้องยอมกินยาขม อดทนต่อความเจ็บปวด และผ่าเอาเนื้องอกออก เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์” สะท้อนถึงแนวคิดที่ว่าความเปลี่ยนแปลงอาจยากลำบากในระยะสั้น แต่จะนำไปสู่โครงสร้างการบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากเวียดนามดำเนินการปฏิรูปได้สำเร็จ ประเทศจะกลายเป็นจุดหมายสำคัญของนักลงทุนระดับโลก ด้วยระบบบริหารที่มีความคล่องตัวขึ้น การลดอุปสรรคทางราชการจะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ขณะเดียวกัน การลดขนาดภาครัฐยังช่วยให้เวียดนามสามารถนำงบประมาณไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เมืองอัจฉริยะ และเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต

แม้การปฏิรูปราชการครั้งนี้จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่เวียดนามกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันยุคสมัยใหม่ การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นหมากสำคัญที่ช่วยให้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต