Starlink ของ SpaceX กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ในพม่าและไทย

เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว, มีอีเมลขอความช่วยเหลือจากเหยื่อการค้ามนุษย์ชาวจีนที่ตกเป็นทาสในค่าย "ไท่ชาง" ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนพม่า-ไทย โดยในอีเมลนั้นเหยื่อกล่าวว่า พวกเขาถูกหลอกให้มาทำงานอย่างชอบธรรมแต่กลับต้องกลายเป็นทาสออนไลน์เพื่อหลอกลวงคนอื่นทุกวัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้สร้างรายได้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่มอาชญากร ข้อความที่เหยื่อส่งถึงกลุ่มช่วยเหลือการปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ GASO ระบุว่าแม้พวกเขาจะเสี่ยงอันตรายจากการสื่อสารในที่ลับ แต่ว่าการร้องขอแรกไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการแจ้งว่าพวกเขาใช้บริการอินเทอร์เน็ตของ Starlink จาก SpaceX เพื่อให้กิจกรรมการหลอกลวงยังคงดำเนินต่อไปได้

เหยื่อกล่าวว่า "ตอนนี้ระบบอินเทอร์เน็ตของเราเชื่อมต่อกับ Starlink ซึ่งติดตั้งบนหลังคาของอาคารทุกหลังในค่ายของเรา ตอนนี้การหลอกลวงดำเนินการได้ตามปกติ" ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้ Erin West ซึ่งขณะนั้นเป็นรองอัยการของเขตซานตา คลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งจดหมายถึง SpaceX เพื่อขอให้บริษัทดำเนินการเพื่อลดการใช้ Starlink ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายนี้

ข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข้อมูลภาคอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ยืนยันว่าไม่ใช่แค่ค่ายไท่ชางที่ใช้ Starlink แต่ยังมีค่ายหลอกลวงหลายแห่งในพื้นที่ชายแดนพม่า-ไทยที่ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตจาก Starlink อีกด้วย ตามการตรวจสอบของ WIRED พบว่าอุปกรณ์ Starlink มีการใช้งานในหลายค่ายที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ในพื้นที่บริเวณชายแดนของพม่าและไทย โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 มีการตรวจพบการเชื่อมต่อกับ Starlink กว่า 40,000 ครั้ง

การใช้ Starlink ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในค่ายหลอกลวงนี้ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึง Rangsiman Rome สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไทยที่เชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีจาก SpaceX เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินการหลอกลวงยังคงทำงานได้

ทาง SpaceX ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกังวลนี้แม้ว่าจะมีการขอให้บริษัทช่วยหยุดการใช้งานในพื้นที่เหล่านี้ก็ตาม แม้บริษัทจะมีนโยบายที่จะยกเลิกการให้บริการหากพบว่าอุปกรณ์ถูกใช้ในกิจกรรมหลอกลวงหรือการกระทำผิดกฎหมาย.