เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) เปิดเผยผลการปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ในพื้นที่เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในเขตเมืองชเวก๊กโก่ และเคเคปาร์ค ส่งผลให้สามารถควบคุมตัวชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเหล่านี้ได้รวม 7,141 คน จาก 29 สัญชาติ

ยอดชาวต่างชาติที่สมัครใจเดินทางกลับประเทศ

จากรายงานพบว่า ผู้ที่สมัครใจเดินทางกลับประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 7,141 คน แบ่งเป็นชาย 6,716 คน และหญิง 425 คน โดยมีรายละเอียดของสัญชาติหลักดังนี้:

  1. จีน 4,860 คน (ชาย 4,764 คน หญิง 96 คน)
  2. เวียดนาม 572 คน (ชาย 511 คน หญิง 61 คน)
  3. อินเดีย 526 คน (ชาย 498 คน หญิง 28 คน)
  4. เอธิโอเปีย 430 คน (ชาย 396 คน หญิง 34 คน)
  5. อินโดนีเซีย 283 คน (ชาย 217 คน หญิง 66 คน)
  6. ฟิลิปปินส์ 127 คน (ชาย 54 คน หญิง 73 คน)
  7. มาเลเซีย 70 คน (ชาย 65 คน หญิง 5 คน)
  8. ปากีสถาน 78 คน (ชาย 64 คน หญิง 4 คน)
  9. เคนยา 64 คน (ชาย 38 คน หญิง 26 คน)
  10. ไต้หวัน 25 คน (ชาย 24 คน หญิง 1 คน)

นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่มาจากประเทศอื่นๆ เช่น เนปาล แอฟริกาใต้ ยูกันดา ศรีลังกา อุซเบกิสถาน ไนจีเรีย กานา แคเมอรูน บังคลาเทศ นามิเบีย รวันดา ตูนิเซีย เช็ก ลาว โรมาเนีย แอลจีเรีย และสิงคโปร์ โดยมีจำนวนตั้งแต่ 1-17 คนในแต่ละสัญชาติ

ขั้นตอนการดำเนินการส่งกลับประเทศ

กองกำลัง BGF ได้สอบถามความสมัครใจของผู้ถูกควบคุมตัว และพบว่าทั้งหมดมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศต้นทาง ทาง BGF จึงได้ดำเนินการจัดทำรายชื่อและส่งข้อมูลให้รัฐบาลเมียนมาเพื่อประสานงานกับสถานทูตของแต่ละประเทศ รวมถึงรัฐบาลไทย เพื่อเร่งดำเนินกระบวนการส่งตัวกลับโดยเร็ว

ความสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้

การกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในเขตชายแดนเมียนมา ถือเป็นมาตรการสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย จีน และเวียดนาม ซึ่งเป็นจุดหมายหลักของขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญที่อาจช่วยลดการก่ออาชญากรรมในภูมิภาคได้ในระยะยาว

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อติดตามเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และจะมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก