ค่าเงินบาทในวันนี้เปิดที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ 33.61 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.30-33.85 บาทต่อดอลลาร์ และในวันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.45-33.70 บาทต่อดอลลาร์

การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงเช้านี้เกิดขึ้นจากแรงหนุนหลายปัจจัย โดยเฉพาะการที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยในปีนี้มากถึง 2 ครั้ง หรือประมาณ 50bps ซึ่งมีโอกาสถึง 80% หลังจากที่ดัชนี PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงสู่ระดับ 49.7 จุด ซึ่งต่ำกว่าคาดที่ 53 จุด สะท้อนให้เห็นถึงภาวะหดตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้

แม้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงจากแรงกดดันดังกล่าว แต่ยังคงได้รับการหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) และตลาดการเงินของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ ยังคงมีความผันผวน

อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการแข็งค่าของเงินบาทในวันนี้คือราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยทองคำยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอน สถานการณ์ดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้เงินบาทมีแรงหนุนจากการไหลของเงินทุนเข้าสู่ตลาดทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ความแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้อาจไม่ยืดเยื้อและอาจชะลอลงได้ในระยะสั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดโลก โดยเฉพาะในส่วนของทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ซึ่งมีโอกาสที่อาจจะปรับตัวลงหรือเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways นอกจากนี้ ตลาดทุนไทยยังคงมีความผันผวนจากฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเห็นการขายทำกำไรจากการถือครองพันธบัตรไทยในช่วงนี้

สำหรับการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะยาว นักวิเคราะห์มองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways โดยมีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นบ้างตราบใดที่สถานการณ์ต่าง ๆ ในตลาดการเงินยังคงมีความไม่แน่นอน หากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง หรือราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดเงินอาจเลือกใช้เครื่องมือปิดความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น การใช้สัญญา Forward หรือ Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจมีความผันผวนสูงขึ้น

ในขณะเดียวกัน การติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ก็มีความสำคัญ เช่น การรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และการพัฒนาในสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมนี รวมถึงการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางของเงินยูโรและสกุลเงินหลัก ๆ รวมถึงเงินบาท

ทั้งนี้ ตลาดเงินยังคงมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินในประเทศต่าง ๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในอนาคต นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนในช่วงนี้