ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย-กัมพูชา

ทางการไทยและกัมพูชาร่วมมือกันกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยมีการบุกเข้าตรวจค้นอาคารในคอมพาวด์พลาซา ตรงข้ามด่านคลองลึก ตลาดโรงเกลือ สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้กว่า 200 ราย ซึ่งเป็นคนไทยกว่าครึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและคัดกรองก่อนส่งกลับประเทศไทย ด้านตำรวจภูธรภาค 2 เตรียมดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ

ขณะที่ปฏิบัติการในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือแต่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ BGF และ DKBA มากกว่า 2,000 คน ส่วนทางการจีนได้ส่งเครื่องบินรับพลเมืองจีนที่ได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศเป็นกลุ่มสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานความคืบหน้าของปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลจากการประสานความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยพล.ต.ต.จุม เรียง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา นำกำลังเข้าตรวจค้นและควบคุมตัวชาวต่างชาติ 215 ราย รวมถึงคนไทย 109 คน ที่ถูกหลอกไปทำงานกับขบวนการ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่ารัฐบาลไทยร่วมมือกับจีนและเมียนมาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่านแผนปฏิบัติการ “ตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดน้ำมัน” ใน 5 จุดสำคัญ พร้อมทั้งสั่งการให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ได้ข้อสรุป 3 ประเด็นหลัก คือ

1. กวาดล้าง ตรวจค้น และนำตัวคนไทยกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
2. ช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ให้กลับสู่ครอบครัว
3. ประสานงานระหว่างไทย-กัมพูชาเพื่อขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป

กระทรวงการต่างประเทศของไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมไตรภาคีร่วมกับจีนและเมียนมา เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในระยะยาว ซึ่งคาดว่าความร่วมมือนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ขบวนการดังกล่าวกลับมาสร้างปัญหาอีก

รัฐบาลไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง และจะดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องประชาชนจากเครือข่ายมิจฉาชีพข้ามชาติ