สํานักข่าวรอยเตอร์ รายงาน 1 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่ดินแดนใหม่ทางกฎหมายการค้าด้วยการอ้างกฎหมายภาวะฉุกเฉินเพื่อกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน โดยกำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน อ้างว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการควบคุมปัญหายาเฟนทานิลและการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายในสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการค้าระบุว่าการใช้กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 1977 เพื่อกำหนดภาษีนำเข้าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการกระทำของทรัมป์อาจเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจกลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับอนาคต

เมื่อวันเสาร์ ทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินภายใต้ IEEPA โดยอ้างถึง "ภัยคุกคามร้ายแรง" จากเฟนทานิลและการอพยพผิดกฎหมาย กฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินในช่วงวิกฤติ ซึ่งเคยถูกนำมาใช้กับรัสเซียจากกรณีสงครามในยูเครนมาก่อน

ในช่วงสมัยที่สองของเขา ทรัมป์เลือกใช้ IEEPA เพื่อกำหนดภาษีอย่างรวดเร็ว แทนที่จะใช้กฎหมายด้านการค้าฉบับอื่นซึ่งต้องผ่านกระบวนการสืบสวนและการพิจารณาสาธารณะที่ใช้เวลาหลายเดือน

ทิม ไบรท์บิลล์ หุ้นส่วนบริษัทกฎหมาย Wiley Rein กล่าวว่าศาลมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนอำนาจของประธานาธิบดีในการดำเนินการภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือภาษีนำเข้าจะถือว่าอยู่ในขอบเขตของกฎหมายนี้หรือไม่ เนื่องจาก IEEPA ถูกใช้เพื่อคว่ำบาตรมากกว่าการกำหนดภาษี

นักกฎหมายด้านการค้าหลายคนเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจอาจพยายามขอให้ศาลระงับมาตรการดังกล่าว แต่จะต้องเผชิญกับอุปสรรคทางกฎหมายที่หนักหน่วง

กรณีที่ใกล้เคียงที่สุดกับนโยบายของทรัมป์คือการใช้กฎหมาย Trading With the Enemy Act ปี 1917 โดยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันในปี 1971 ซึ่งกำหนดภาษีนำเข้าทั่วกระดานที่ 10% เพื่อควบคุมวิกฤติทางเศรษฐกิจหลังจากสหรัฐฯ ถอนตัวจากมาตรฐานทองคำ ศาลรับรองการกระทำของนิกสันเนื่องจากมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับดุลการค้าและมูลค่าของเงินดอลลาร์

เจนนิเฟอร์ ฮิลล์แมน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายการค้าที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ มองว่ากรณีของทรัมป์อาจไม่มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างภาวะฉุกเฉินที่ถูกกล่าวอ้างกับการกำหนดภาษี เนื่องจากภาษีไม่ได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลโดยตรง

ในปี 2019 ทรัมป์เคยขู่จะใช้ IEEPA เพื่อกำหนดภาษี 5% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกเพื่อกดดันให้เม็กซิโกเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพรมแดน แต่สุดท้ายไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากที่เม็กซิโกยอมปรับมาตรการรักษาความปลอดภัย

ปีเตอร์ ฮาร์เรลล์ นักกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติจาก Center for a New American Security เตือนว่าหากศาลอนุญาตให้ใช้ IEEPA กำหนดภาษีได้ รัฐสภาควรเร่งปรับปรุงกฎหมายให้มีการกำกับดูแลมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิกทิม เคน จากพรรคเดโมแครต ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ IEEPA สำหรับการกำหนดภาษี โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายนี้ไม่เคยถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว

"ประชาชนต้องการสินค้าราคาถูก ไม่ใช่ภาษีที่สูงขึ้น และสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือภาษีที่ไม่มีเหตุผลกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของเรา" เคนกล่าว

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวลงในแดนลบเมื่อวันศุกร์ หลังจากทำเนียบขาวประกาศมาตรการกำแพงภาษีที่จะมีผลในวันเสาร์นี้

ที่มา : reuters