กรุงเทพมหานคร, 31 มกราคม 2568 – สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยทั่วกรุงเทพฯ ขึ้นสูงถึง 48.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ในช่วงเช้าของวันที่ 31 มกราคม 2568 ทำให้คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่พื้นที่หลายเขตของกรุงเทพฯ พบค่าฝุ่นเกินเกณฑ์ สีส้ม ซึ่งถือว่าเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

12 เขตที่มีค่าฝุ่นสูงสุดในกรุงเทพฯ

  1. เขตหนองแขม 65 มคก./ลบ.ม.
  2. เขตภาษีเจริญ 60.3 มคก./ลบ.ม.
  3. เขตทวีวัฒนา 59.6 มคก./ลบ.ม.
  4. เขตตลิ่งชัน 59.1 มคก./ลบ.ม.
  5. เขตคลองสามวา 58.3 มคก./ลบ.ม.
  6. เขตบางนา 58.3 มคก./ลบ.ม.
  7. เขตวังทองหลาง 56.7 มคก./ลบ.ม.
  8. เขตบางขุนเทียน 56.3 มคก./ลบ.ม.
  9. เขตบางกอกน้อย 55.75 มคก./ลบ.ม.
  10. เขตมีนบุรี 55.5 มคก./ลบ.ม.
  11. เขตหลักสี่ 54.8 มคก./ลบ.ม.
  12. เขตบางแค 54.55 มคก./ลบ.ม.

สถานการณ์ฝุ่นละอองขยายทั่วทั้งกรุงเทพฯ
สภาพอากาศทั่วกรุงเทพฯ แบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงจนเข้าสู่ระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นในบางเขต เช่น เขตกรุงธนใต้ สูงถึง 65 มคก./ลบ.ม. ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดมีค่าอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั่วไป

คำแนะนำสุขภาพ

  • ประชาชนทั่วไป ควรใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร และควรจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง
  • ประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลา หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์ทันที

พื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน
จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศผ่านแอปฯ IQAir พบว่า อำเภอที่มีค่าฝุ่นสูงสุดในประเทศไทย เมื่อเวลา 07:30 น. ได้แก่ อำเภอเมืองนครปฐม (จังหวัดนครปฐม), อำเภออรัญประเทศ (จังหวัดสระแก้ว), และอำเภอเมืองสมุทรสงคราม (จังหวัดสมุทรสงคราม) ซึ่งมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน

คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพแนะนำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด และดำเนินการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันจะมีการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อหามาตรการระยะยาวในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษนี้