วันที่ 28 มกราคม 2568 เวลา 07.00 น. ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าค่าเฉลี่ยของ PM 2.5 อยู่ที่ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลางและไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในภาพรวม

การปรับตัวดีขึ้นของสถานการณ์นี้เป็นผลจากปัจจัยสำคัญ เช่น การมีกระแสลมที่แรงขึ้น และอัตราการระบายอากาศในพื้นที่ดีขึ้น ส่งผลให้ฝุ่นในชั้นบรรยากาศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพมหานครที่เริ่มกลับเข้าสู่เกณฑ์ปลอดภัย โดยพบพื้นที่สีเขียวที่แสดงถึงคุณภาพอากาศดีเพิ่มขึ้นถึง 20 เขต

ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ในขณะที่สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เขตที่ยังพบค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด ได้แก่

  1. เขตภาษีเจริญ: 35 มคก./ลบ.ม.
  2. เขตธนบุรี: 34 มคก./ลบ.ม.
  3. เขตหลักสี่: 32.7 มคก./ลบ.ม.
  4. เขตพระโขนง: 32.2 มคก./ลบ.ม.
  5. เขตประเวศ: 31.8 มคก./ลบ.ม.

ถึงแม้ค่าฝุ่นในเขตเหล่านี้ยังค่อนข้างสูง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ "ปานกลาง" ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนกลุ่มทั่วไป แต่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ควรเพิ่มความระมัดระวัง

รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 (แบ่งตามพื้นที่)

  • กรุงเทพเหนือ: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 23.9 - 32.7 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ปานกลาง)
  • กรุงเทพตะวันออก: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 19.8 - 31.8 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ดี)
  • กรุงเทพกลาง: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 20.6 - 30 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ปานกลาง)
  • กรุงเทพใต้: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 20.9 - 32.2 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ดี)
  • กรุงธนเหนือ: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 24.3 - 34 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ปานกลาง)
  • กรุงธนใต้: ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 23 - 35 มคก./ลบ.ม. (เกณฑ์ปานกลาง)

สถานการณ์ในจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม

ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มดีขึ้น จังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงครามยังคงเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างหนัก โดยค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรสาคร และ อ.เมืองสมุทรสงคราม มีค่าเกินมาตรฐานที่กำหนด (50 มคก./ลบ.ม.) และจัดอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรง

สถานการณ์นี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่พื้นที่เหล่านี้เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมอุตสาหกรรม การเผาไหม้ในพื้นที่โล่ง และการจราจรที่หนาแน่น จึงทำให้ฝุ่นละอองยังคงสะสมในชั้นบรรยากาศ

คำแนะนำสำหรับประชาชน

  1. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง หากจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยประเภท N95 ซึ่งสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ปิดหน้าต่างและใช้เครื่องฟอกอากาศ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าสู่ตัวอาคาร
  3. ตรวจสอบคุณภาพอากาศเป็นประจำ ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Air4Thai หรือเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ
  4. ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือหัวใจ ควรพกยาที่จำเป็นและปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ

สถานการณ์

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังต้องมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสภาพอากาศให้อยู่ในระดับปลอดภัย ในขณะเดียวกัน พื้นที่สมุทรสาครและสมุทรสงครามยังคงเป็นพื้นที่ที่ต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน

ประชาชนทุกคนควรร่วมมือกันในการลดมลพิษทางอากาศ โดยการลดการเผาไหม้ การใช้รถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง และสนับสนุนมาตรการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในระยะยาว