สถานการณ์น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา
วันที่โพสต์: 7 ตุลาคม 2567 17:37:18 การดู 25 ครั้ง
เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำในอัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือเป็นระดับมวลน้ำสูงสุดที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านเขื่อน คาดว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะมีการปรับลดอัตราการระบายลง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แนะนำประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนให้ยกของขึ้นสูงอย่างน้อย 75 เซนติเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้ในระดับที่ปลอดภัย
ในช่วงนี้ ข่าวสารเกี่ยวกับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาได้รับความสนใจมาก เนื่องจากการระบายที่สูงกว่า 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีทำให้ประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีความกังวลเรื่องอุทกภัย
ทีมข่าวได้สัมภาษณ์นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ ซึ่งกล่าวว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย น้ำที่มาเติมในตอนนี้มีปริมาณลดลง โดยเฉพาะจากแม่น้ำยมที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดนครสวรรค์ และไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังมีปัญหาน้ำหลากจากคันน้ำที่ขาดในจังหวัดสุโขทัย ส่งผลให้น้ำทะลักออกมาในบางพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นกำลังเร่งดำเนินการปิดท่อและฟื้นฟูระบบ
สำหรับแม่น้ำปิง คาดว่าระดับน้ำจะลดต่ำกว่าตลิ่งในวันนี้ (7 ต.ค. 2567) ในขณะที่แม่น้ำน่านมีน้ำเข้าเขื่อนสิริกิติ์ในระดับที่ดี ทำให้มีน้ำประมาณ 90% ของความจุเขื่อน ส่วนเขื่อนภูมิพลมีน้ำประมาณ 70%
ผู้อำนวยการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารมวลน้ำในเขื่อนจะมีการควบคุมไม่ให้เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยตั้งเป้าลดให้เหลือประมาณ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไหลลงแม่น้ำสะแกกรัง ส่วนการรับน้ำในคลองต่าง ๆ โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออก สามารถเพิ่มการรับน้ำได้ ส่งผลให้การไหลของน้ำเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาลดลง
นายฐนโรจน์ได้ฝากถึงประชาชนว่า ถึงแม้ว่าจะมีการระบายน้ำในอัตราที่สูง ขอให้ยกของขึ้นในระดับที่สูงกว่าระดับน้ำที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท้ายเขื่อนที่อาจมีความเสี่ยงจากปริมาณน้ำที่ไหลลงมา ทั้งนี้ ยังได้มีการเตรียมความพร้อมในการตรวจสอบความแข็งแรงของคันกั้นน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชน
ในส่วนของกรุงเทพมหานครและนนทบุรี ผู้อำนวยการฯ ชี้แจงว่าการสื่อสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมีความสำคัญ เนื่องจากน้ำที่สูงเพียงริมตลิ่งไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมทั่วทั้งจังหวัด โดยจังหวัดต่าง ๆ สามารถรองรับน้ำได้ในระดับที่ปลอดภัย
สำหรับการคาดการณ์ในอนาคต นายฐนโรจน์ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีฝนตกในช่วงกลางเดือนตุลาคม และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบความแข็งแรงของคันน้ำ พร้อมให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา
ในส่วนของคันน้ำที่มีความเสี่ยง หากพบปัญหาควรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการป้องกันและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต