กรุงเทพฯ – 20 มิถุนายน 2568 ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล หลังการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ความยาวกว่า 17 นาที เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา บรรยากาศทางการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะเปราะบางอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อบทสนทนาในคลิปบ่งชี้ถึงความสั่นคลอนภายในรัฐบาล และการพาดพิงถึงฝ่ายความมั่นคงของไทย

ล่าสุด นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกจากตระกูลชินวัตร ได้ออกมาแถลงต่อสาธารณะ โดยขออภัยประชาชนที่รู้สึกไม่สบายใจ พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า “รัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน” ทว่าแถลงการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถสยบแรงปะทะในวงการเมืองได้โดยสิ้นเชิง

คลื่นใต้น้ำในกองทัพและสภาเริ่มชัดเจน

แหล่งข่าวระดับสูงในสายความมั่นคงระบุว่า บรรดานายทหารระดับสูงยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีที่นายกฯ พาดพิงแม่ทัพภาค 2 ว่าเป็น “คนของฝั่งตรงข้าม” ซึ่งถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน และสะท้อนถึงความเปราะบางของสายสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและกองทัพในเวลานี้

ด้านวุฒิสภาโดยคณะกรรมาธิการการทหารยังย้ำท่าทีเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก โดยอ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 และ 170 เรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคแรกที่ออกแถลงการณ์โจมตีการบริหารความมั่นคงของนายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรง

พรรคร่วมเริ่มเปลี่ยนขั้ว ภูมิใจไทยถอนตัวแล้ว – อีก 3 พรรคยังชั่งใจ

การถอนตัวอย่างเป็นทางการของพรรคภูมิใจไทย นำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อค่ำวันที่ 18 มิถุนายน สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองทันที โดยในวันถัดมาพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรค ได้แก่ รทสช., ปชป., และ ชทพ. ต่างเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อกำหนดท่าที

อย่างไรก็ตาม จนถึงคืนวันที่ 19 มิถุนายน ยังไม่มีพรรคใดแถลงถอนตัวเพิ่มเติมอย่างเป็นทางการ แม้แหล่งข่าวภายในบางพรรคเผยว่า “เริ่มมีเสียงแตกภายใน” และ “รอจังหวะที่เหมาะสมในการขยับ”

4 ทางเลือกของ “อิ๊ง” และเดิมพันทางการเมือง

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีแพทองธารมี 4 ทางเลือกหลัก ได้แก่

  1. ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

  2. ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่

  3. ปรับ ครม. และเจรจาเก็บพรรคร่วมที่เหลือ

  4. ยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งพร้อมเผชิญแรงต้าน

แต่ทุกทางเลือกล้วนมีต้นทุนทางการเมืองสูง ทั้งต่อพรรคเพื่อไทยและต่อตัวเธอเอง โดยเฉพาะเมื่อชื่อ “ชินวัตร” ยังคงถูกโยงกับวิกฤตการเมืองครั้งก่อนหน้า

จับตาชุมนุม คปท. ปักหลัก 21–24 มิ.ย. บีบรัฐบาลขยับ

นอกจากแรงกดดันในสภาและในกองทัพ กลุ่มผู้ชุมนุมภาคประชาชนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรม โดยเครือข่าย คปท. ได้จัดชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน พร้อมประกาศจะปักหลักพักค้างจนถึงวันที่ 24 เพื่อกดดันให้รัฐบาลทั้งคณะลาออก

แม้แพทองธารจะถือครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 9 เดือน แต่สถานการณ์ล่าสุดได้ฉายภาพชัดว่า การบริหารประเทศในยุค “นายกฯ รุ่นใหม่” ต้องเผชิญความท้าทายซับซ้อนจากทั้งภายนอกและภายใน ขณะที่เงาของอดีตทางการเมืองยังคงตามหลอกหลอนทุกย่างก้าวของรัฐบาลนี้อย่างไม่ลดละ