ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงแรงในวันอังคาร (29 เม.ย.) โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ปิดร่วงลงกว่า 2% ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จากมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส

ราคาน้ำมันร่วงต่อเนื่อง นักลงทุนประเมินความเสี่ยงสองทาง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าปิดที่ 64.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ขณะที่ WTI ลดลง 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.63% ปิดที่ 60.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการลดลงในระดับที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าเกิดจาก "แรงกดดันสองด้าน" คือทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน

นักลงทุนกังวลว่าการที่ทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างหนักจะกระทบการค้าระหว่างประเทศและฉุดรั้งความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ขณะเดียวกัน การที่โอเปกพลัสส่งสัญญาณเพิ่มการผลิตต่อเนื่อง อาจซ้ำเติมภาวะน้ำมันล้นตลาด

สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ปลุกเงาเศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญแรงเสียดทานครั้งใหม่จากสงครามการค้าที่กลับมาระอุอีกครั้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน นักวิเคราะห์ของ Reuters ระบุว่า การเก็บภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างสองประเทศที่มีการใช้น้ำมันสูงที่สุดในโลก กำลังกดดันให้นักวิเคราะห์หลายสำนักเร่งปรับลดคาดการณ์อุปสงค์พลังงาน

บ็อบ ยาวเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานของ Mizuho กล่าวเตือนว่า

“ความล่าช้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจทำให้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกทรุดลงอย่างรุนแรง”

ข้อมูลการค้าล่าสุดก็ยิ่งสร้างแรงกดดัน โดยสหรัฐฯ รายงานว่า การขาดดุลการค้าในเดือนมีนาคมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงความพยายามของภาคธุรกิจในการนำเข้าสินค้าล่วงหน้าก่อนที่มาตรการภาษีใหม่จะมีผล ซึ่งอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสแรก

ธุรกิจเริ่มกระเทือน – ยักษ์ใหญ่ปลดพนักงาน-เลื่อนประกาศผลประกอบการ ผลกระทบลามถึงภาคธุรกิจแล้ว โดย UPS ประกาศปลดพนักงานกว่า 20,000 คนเพื่อควบคุมต้นทุน ขณะที่ General Motors เลื่อนกำหนดการชี้แจงนักลงทุนออกไป หวังจับตาท่าทีทางการค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงจากฝ่ายบริหารของทรัมป์

ด้าน BP บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ รายงานว่ากำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้หดตัวถึง 48% เหลือเพียง 1.4 พันล้านดอลลาร์ จากแรงกดดันด้านราคาน้ำมันและธุรกิจการกลั่นที่ซบเซา

นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ExxonMobil และ Chevron ที่เตรียมประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจสะท้อนแนวโน้มตลาดพลังงานโลกได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

โอเปกพลัสอาจเพิ่มกำลังผลิตอีก – ขณะตลาดยังไม่ฟื้น แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการเพิ่มกำลังผลิตเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางตลาดที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

โอเล แฮนเซน นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank เตือนว่า

“การเพิ่มกำลังผลิตของโอเปกพลัสในเวลานี้ถือเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุด เพราะความเชื่อมั่นในตลาดอ่อนแออยู่แล้ว”

ในขณะที่ คาซัคสถาน ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกพลัสอีกประเทศหนึ่ง ได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันถึง 7% ในไตรมาสแรก โดยอาศัยท่อส่งแคสเปียน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น

จับตาสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ – อาจเพิ่มขึ้น 5 สัปดาห์ติด นักวิเคราะห์คาดว่า รายงานคลังสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จาก API และ EIA ซึ่งจะเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์ อาจแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นอีก 0.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะนับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 สะท้อนถึงภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างชัดเจน