วันที่ 15 เมษายน 2568 – ตลาดทองคำโลกในคืนวันจันทร์ (14 เม.ย. ตามเวลาไทย) ปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ภายหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์บางประเภทจากจีน ส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยชะลอตัวลง

ราคาทองคำในตลาดสปอตลดลง 0.7% ปิดที่ 3,213.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,245.42 ดอลลาร์ช่วงต้นวัน ขณะที่ราคาสัญญาทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ของสหรัฐ ปรับลดลง 0.6% มาปิดที่ 3,226.30 ดอลลาร์

แรงเก็งกำไรเริ่มคลาย หลังข่าวผ่อนคลายภาษี

บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนไปในทางบวกมากขึ้นหลังการผ่อนปรนมาตรการภาษี ซึ่งช่วยหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงได้รับความสนใจอีกครั้ง

“การเคลื่อนไหวในตลาดล่าสุดสะท้อนถึงแรงซื้อขายที่ยอมรับความเสี่ยงมากขึ้น แม้โดยรวมภาพของตลาดทองคำยังมีแรงสนับสนุนอยู่” บาร์ต เมเล็ก นักวิเคราะห์อาวุโสจาก TD Securities ให้ความเห็น

ปีเตอร์ แกรนท์ จาก Zaner Metals เสริมว่า “การยกเว้นภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการน่าจะลดความต้องการในการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมา”

ยังมีปัจจัยหนุนในระยะยาว

แม้ว่าราคาในระยะสั้นจะปรับลดลง แต่ภาพรวมยังคงมีแรงหนุนจากความไม่แน่นอนด้านการค้า ภาวะเงินดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในทองคำ

โกลด์แมนแซคส์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มทองคำ โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาสิ้นปีเป็น 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อ้างอิงจากแรงซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงกระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุนทองคำ ETF อย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก World Gold Council เผยว่า ในเดือนเมษายนนี้ มีกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุนทองคำ ETF ของจีนมากกว่าทั้งไตรมาสแรกที่ผ่านมา และสูงกว่ากองทุนทองในสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นฟื้นตัว

ในตลาดโลหะมีค่าประเภทอื่น ราคาสปอตของโลหะเงินขยับขึ้นเล็กน้อย 0.1% อยู่ที่ 32.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลตตินัมขยับขึ้น 1% ปิดที่ 952.1 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมพุ่งขึ้นถึง 4.6% ปิดที่ 957.27 ดอลลาร์