จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในหลายพื้นที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน ให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางดังต่อไปนี้

มาตรการช่วยเหลือหลัก

  1. สินเชื่อบัตรเครดิต – พิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำให้ต่ำกว่าที่กำหนด เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน นับจากวันที่พื้นที่ได้รับการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพื่อลดภาระทางการเงินของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
  2. สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อดิจิทัล – อนุมัติวงเงินชั่วคราวฉุกเฉินสูงกว่าที่กำหนด เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงเงินทุนสำหรับการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย โดยมีระยะเวลาดำเนินมาตรการไม่เกิน 12 เดือน
  3. สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อธุรกิจ – ธปท. ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการผ่อนชำระ โดยสามารถพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมบางประเภท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
  4. มาตรการเสริมด้านสภาพคล่อง – สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาว

การติดตามผลและการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและความช่วยเหลือได้อย่างสะดวก

ทั้งนี้ ธปท. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยคงระดับการจัดชั้นหนี้เช่นเดียวกับก่อนเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกหนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบและกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติในเร็ววัน