สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาในวันที่ 25 มีนาคม 2568 ได้เกิดความตึงเครียดอีกครั้ง โดยทหารกะเหรี่ยง KNLA ได้ทำการโจมตีทหารเมียนมาจากกองพันทหารราบที่ 31 ฐานครึเด ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา และอยู่ตรงข้ามกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ของไทย การโจมตีเกิดขึ้นหลังจากที่ทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องบินรบ MIG-29 จำนวน 2 ลำ ทิ้งระเบิด 4 ลูก และเครื่องบินแบบ Y-12 ทิ้งระเบิดมากกว่า 30 ลูกโจมตีฐานที่มั่นของทหารกะเหรี่ยง KNLA โดยระเบิดเหล่านี้ถูกทิ้งในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังกะเหรี่ยงขยายพื้นที่ควบคุม

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดนี้ ทหารกะเหรี่ยง KNLA ได้ตอบโต้โดยการใช้กำลังเข้าปิดล้อมฐานทหารเมียนมา และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในการโจมตีอย่างหนัก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการโจมตีทางอากาศที่ได้รับจากทหารเมียนมา

หน่วยเฉพาะกิจราชมนูและหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 กองกำลังกองทัพนเรศวร ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อตรวจสอบและป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยจากการกระทำของกองกำลังกะเหรี่ยงหรือกองกำลังทหารจากประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกัน หน่วยเหล่านี้ยังคอยให้การดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดในชายแดนไทย-เมียนมาที่ยังคงมีความรุนแรงอยู่และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะคลี่คลายอย่างไรในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความมั่นคงของพื้นที่ชายแดน รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ปัจจุบัน ไทยต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ การรุกล้ำอธิปไตยจากทั้งกองกำลังกะเหรี่ยงและทหารเมียนมายังคงเป็นปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างยั่งยืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในอนาคต