ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 2,977.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ตามเวลาสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 12 ของปีนี้ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำของสหรัฐฯ (Gold Futures) ก็ขยับขึ้น 1.4% แตะระดับ 2,989 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในปีนี้แตะระดับเกือบ 14% หลังจากที่ปีที่แล้วพุ่งขึ้นถึง 27% โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

แนวโน้มราคาทองคำอาจแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ในปีนี้

อเล็กซ์ เอบคาเรียน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Allegiance Gold กล่าวว่า "ตลาดทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเราคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในช่วง 3,000-3,200 ดอลลาร์ในปีนี้" โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองคำคือภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมถึงความผันผวนของภาษีศุลกากรที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและนักลงทุน

ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ระมัดระวัง นักวิเคราะห์จาก Sprott Asset Management มองว่า ความไม่แน่นอนด้านภาษีและความเสี่ยงจากสงครามการค้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่เฟดต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

ปัจจัยที่หนุนทองคำพุ่งต่อเนื่อง

ข้อมูลจากกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก SPDR Gold Trust ระบุว่า ปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 907.82 เมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังคงเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน ส่งผลให้ความต้องการทองคำยังคงแข็งแกร่ง

ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ โลหะเงิน (Silver) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% แตะ 33.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักวิเคราะห์ของ FXTM มองว่า หากราคาสามารถทะลุระดับ 33.30 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง อาจมีโอกาสพุ่งไปสู่ระดับ 34 ดอลลาร์ในเร็ว ๆ นี้

นักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตานโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางของราคาทองคำและตลาดการเงินโดยรวม