สหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาแผนใหม่ในการยับยั้งการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน โดยการใช้กลยุทธ์การตรวจสอบแท่นขนส่งน้ำมันกลางทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามแผน "กดดันสูงสุด" ที่มุ่งให้ประเทศอิหร่านถูกแยกออกจากเศรษฐกิจโลกและหยุดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยแหล่งข่าวที่มีข้อมูลวงในได้เปิดเผยว่า การตรวจสอบนี้อาจดำเนินการในพื้นที่สำคัญทางทะเล เช่น ช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการขนส่งน้ำมัน โดยการหยุดเรือขนส่งน้ำมันของอิหร่านและตรวจสอบจะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบน้ำมันได้ทันที

แผนการนี้อาจใช้กรอบการทำงานจาก "โครงการความมั่นคงในการป้องกันการแพร่กระจาย" (Proliferation Security Initiative) ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มต้นในปี 2003 โดยสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการขนส่งอาวุธทำลายล้าง ด้วยการดึงพันธมิตรในระดับนานาชาติมาช่วยกันคัดกรองเรือที่ขนส่งน้ำมันของอิหร่าน การดำเนินการนี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านชะงักงัน แต่ยังทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายการค้าไม่โปร่งใสเสี่ยงที่จะได้รับการคว่ำบาตรเพิ่มเติม

ถึงแม้แผนการนี้อาจช่วยลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในระยะสั้นได้ แต่มันก็อาจนำไปสู่การตอบโต้จากอิหร่าน โดยเฉพาะในกรณีที่เคยเกิดขึ้นในปี 2023 เมื่อสหรัฐฯ พยายามยึดขนส่งน้ำมันของอิหร่าน ทำให้เกิดการยึดเรือจากอิหร่านในภายหลัง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การดำเนินการเช่นนี้อาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรที่อาจเห็นต่างในแนวทางนี้

นอกจากนั้น การลดการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านในระยะสั้นจะช่วยลดแรงกดดันต่ออุปทานน้ำมันโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ อาจมีอำนาจในการคว่ำบาตรอิหร่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือการที่อิหร่านและประเทศที่เกี่ยวข้องสามารถพัฒนาเครือข่ายการค้าใหม่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรได้ในระยะยาว

ทีมา : reuters