เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากการพบกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐฯ ซึ่งการพบปะกับทรัมป์นั้นได้จบลงด้วยการโต้เถียงและข้อตกลงที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตามการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้เป็นไปอย่างอบอุ่นและมีความสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

ในระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ทั้งสองได้หารือถึงสถานการณ์ทางทหารและการสนับสนุนทางการเงินจากสหราชอาณาจักร โดยการประชุมนี้สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงสำคัญที่ยูเครนจะได้รับเงินกู้จากสหราชอาณาจักรจำนวน 2.26 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 9.72 หมื่นล้านบาท) เพื่อใช้ในการซื้ออาวุธและเสริมสร้างขีดความสามารถทางการทหารของยูเครน

เซเลนสกีได้กล่าวหลังจากการประชุมว่า เงินกู้ดังกล่าวจะนำไปสู่การผลิตอาวุธในยูเครน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าการชำระเงินกู้จะมาจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในหลายประเทศ

เซเลนสกียังได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย (X) ขอบคุณประชาชนและรัฐบาลสหราชอาณาจักรสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสงคราม เขากล่าวว่า "เรายินดีที่มีพันธมิตรที่ยืนหยัดร่วมกันในวิสัยทัศน์ของอนาคตที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน" และยืนยันถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างประเทศในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้

ตั้งแต่เริ่มสงครามในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สหราชอาณาจักรได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมเงินกู้ครั้งนี้ ซึ่งทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้สหรัฐฯ จะยังคงเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่มีมูลค่าสูงสุด

การที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจถอนความช่วยเหลือจากยูเครน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปจะสามารถชดเชยส่วนที่สูญหายไปได้หรือไม่ หากสหรัฐฯ ไม่ให้การสนับสนุนอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามยังคงดำเนินอยู่และต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ

ที่มา : bbc