ทรัมป์-ปูติน เจรจา ประเด็นร้อนสงครามยูเครน

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าได้สนทนากับ "วลาดิเมียร์ ปูติน" ผู้นำรัสเซีย เพื่อหารือถึงแนวทางยุติสงครามยูเครน นับเป็นการเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยระหว่างสองผู้นำอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022

New York Post รายงานเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าทรัมป์ให้สัมภาษณ์ขณะโดยสารเครื่องบิน Air Force One โดยระบุว่า "ผู้นำรัสเซียไม่ต้องการให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น และตนเองก็หวังว่าสงครามจะยุติลงโดยเร็ว" อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าเขาได้สนทนากับปูตินมากี่ครั้งหรือหารือถึงประเด็นใดเป็นพิเศษ โดยเน้นย้ำเพียงว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้นำรัสเซีย

ด้านโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์ โดยปฏิเสธที่จะยืนยันหรือปฏิเสธว่าเกิดการสนทนาดังกล่าวจริงหรือไม่ พร้อมชี้ว่า "ไม่มีข้อมูล" เกี่ยวกับเรื่องนี้

ในขณะที่สหรัฐฯ และรัสเซียยังอยู่ระหว่างถกเถียงเรื่องสันติภาพ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ส่งสัญญาณพร้อมเปิดการเจรจากับทรัมป์ เกี่ยวกับการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนแร่ธาตุหายากที่ยูเครนมีอยู่จำนวนมากกับหลักประกันความมั่นคง เพื่อให้สหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนยูเครนในความขัดแย้งกับรัสเซียต่อไป

ยูเครนเป็นแหล่งแร่ไทเทเนียมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการบินและอวกาศ โดยเซเลนสกียืนยันว่า ขณะนี้มีเพียงไม่ถึง 20% ของแหล่งแร่ที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย แต่เตือนว่าหากรัสเซียยึดครองมากกว่านี้ อาจมีการส่งออกไปยังประเทศอย่างเกาหลีเหนือหรืออิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมและความมั่นคงระหว่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังเดินหน้าตรวจสอบการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง โดยล่าสุดให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่า อีลอน มัสก์ จะเป็นผู้นำการสอบสวนงบประมาณกระทรวงกลาโหม ซึ่งคาดว่าจะพบการใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งบริหารให้ยุติความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อแอฟริกาใต้ โดยให้เหตุผลว่านโยบายปฏิรูปที่ดินของรัฐบาลแอฟริกาใต้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และเชื่อว่ามีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งคำสั่งนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งในและนอกสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงโลกและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามในยูเครน