การบินไทยกำลังเตรียมตัวเพื่อขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในเดือนเมษายน 2568 หลังจากที่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของแผนฟื้นฟูได้ครบถ้วน ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจากศาล คาดว่าจะสามารถกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2568 โดยการดำเนินการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูสถานะของบริษัทในตลาดการบินหลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความท้าทายจากวิกฤติโควิด-19

ในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการ การบินไทยต้องดำเนินการตามเงื่อนไขหลัก 4 ข้อ ที่ศาลล้มละลายกลางกำหนดไว้ ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนและได้รับสินเชื่อใหม่ที่มีขนาดเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจตามแผนฟื้นฟู, การรักษาสถานะการชำระหนี้อย่างไม่ผิดนัดเป็นระยะเวลา 5 ปี, การมีกำไรจากการดำเนินงานที่มี EBITDA เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปีใน 2 ปี ก่อนรายงานผลสำเร็จ และการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

ขณะนี้การบินไทยอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามเงื่อนไขสุดท้าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ โดยการรวบรวมรายชื่อผู้แทนจากผู้ถือหุ้นที่เสนอเข้ามาเพื่อเลือกคณะกรรมการใหม่ ซึ่งรายชื่อนี้จะต้องได้รับการพิจารณาและโหวตจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 เมษายน 2568 โดยคณะกรรมการใหม่จะมีหน้าที่ในการบริหารและกำหนดทิศทางของบริษัทหลังจากออกจากแผนฟื้นฟู

การปรับโครงสร้างบอร์ดนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากคณะกรรมการชุดใหม่จะต้องมีความสามารถในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูและบริหารงานให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว โดยคาดว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะมีจำนวนไม่เกิน 15 คน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจ การกำหนดจำนวนคณะกรรมการจะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจของการบินไทยในอนาคต

ด้านภาครัฐ โดยกระทรวงการคลัง ซึ่งถือหุ้นใหญ่ของการบินไทยในสัดส่วนราว 39% จะสามารถส่งตัวแทนเข้ามาเป็นคณะกรรมการตามสิทธิของผู้ถือหุ้น ขณะเดียวกันเจ้าหนี้ที่แปลงหนี้เป็นทุน รวมถึงผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ จะมีสิทธิ์ในการส่งตัวแทนเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการใหม่เช่นกัน ซึ่งจะสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและภาครัฐในการพัฒนาการบินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของการบินไทย กล่าวว่าการดำเนินการข้างต้นจะช่วยให้การบินไทยสามารถปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์หลังโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และมีความพร้อมในการแข่งขันในตลาดการบินที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ การบินไทยจะต้องทำงานร่วมกับคณะกรรมการใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางบินและการบริการที่หลากหลาย

ในขณะเดียวกันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวถึงการฟื้นฟูการบินไทยว่า กระทรวงคมนาคมจะยังคงติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะดำเนินการเลือกคณะกรรมการใหม่ที่มีความเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของการบินไทย โดยยืนยันว่าเป้าหมายหลักคือการทำให้การบินไทยกลับมายืนหยัดอย่างมั่นคงในตลาดการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ