ศาลอุทธรณ์เกาหลีใต้ยืนยกฟ้อง Jay Y. Lee ประธาน Samsung ในคดีปั่นหุ้นและทุจริต

ศาลอุทธรณ์กรุงโซลมีคำตัดสิน ยืนยกฟ้อง Jay Y. Lee ประธานบริหารของ Samsung Electronics ในคดีที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการทุจริตทางบัญชีและการปั่นราคาหุ้น ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการที่เป็นข้อถกเถียงระหว่าง Cheil Industries และ Samsung C&T เมื่อปี 2015

คำตัดสินนี้เป็นการยืนยันคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อปีที่แล้ว ที่ระบุว่า Lee และอดีตผู้บริหารของ Samsung ไม่มีความผิด โดยเป็นการปิดฉากข้อพิพาททางกฎหมายที่ดำเนินมายาวนานเกือบ 10 ปี และเป็นหนึ่งในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างการบริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้

ต้นเหตุของคดี: การควบรวมกิจการที่เป็นข้อถกเถียง

Jay Y. Lee ถูกฟ้องในปี 2020 พร้อมกับอดีตผู้บริหารของ Samsung โดยอัยการเกาหลีใต้ระบุว่า การควบรวมกิจการระหว่าง Cheil Industries ซึ่งเป็นธุรกิจสิ่งทอและเคมีภัณฑ์ กับ Samsung C&T ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างและการค้าของกลุ่ม Samsung เป็นการดำเนินการที่มุ่งหวังให้ Lee ได้รับอำนาจควบคุมที่แข็งแกร่งขึ้นในเครือ Samsung

อัยการกล่าวหาว่า Lee และทีมบริหาร จงใจลดมูลค่าหุ้นของ Samsung C&T และเพิ่มมูลค่าของ Cheil Industries เพื่อให้การควบรวมเอื้อประโยชน์ต่อเขาเอง และส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของ Samsung C&T โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายย่อย

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจำเลยแย้งว่า การควบรวมเป็นไปตามมาตรฐานปกติของบริษัท และได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว

การพิจารณาคดีและคำตัดสินของศาล

หลังจากการพิจารณาคดีมานานหลายปี ศาลชั้นต้นของเกาหลีใต้ได้มีคำตัดสินในปี 2023 ว่า Lee ไม่มีความผิด เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าเขามีส่วนร่วมในการบิดเบือนราคาหุ้นหรือทำผิดกฎหมายว่าด้วยการลงทุนในตลาดทุน

ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ศาลอุทธรณ์กรุงโซลได้ยืนยันคำตัดสินเดิม โดยระบุว่า การควบรวมกิจการเป็นไปตามกระบวนการของทั้งสองบริษัท และ ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร Samsung เพียงฝ่ายเดียว

ศาลยังให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการควบรวมกิจการนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และ ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นแผนการที่มุ่งหวังให้ Lee ได้รับอำนาจมากขึ้นในเครือ Samsung ตามที่อัยการกล่าวหา

โทษที่อัยการเคยเสนอและแนวทางต่อไป

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 อัยการเกาหลีใต้เคยขอให้ศาลลงโทษจำคุก 5 ปี และปรับเงิน 500 ล้านวอน (ประมาณ 375,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อ Jay Y. Lee แต่หลังจากศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้อง อัยการระบุว่า จะพิจารณายื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือไม่

หากอัยการตัดสินใจอุทธรณ์ คดีนี้อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการพิจารณา อย่างไรก็ตาม การที่ศาลสองชั้นได้ตัดสินในแนวทางเดียวกัน ทำให้อัยการอาจมีโอกาสน้อยที่จะเปลี่ยนคำตัดสินในศาลฎีกา

คดีนี้มีความสำคัญอย่างไร?

คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีสำคัญของ Samsung และของ Jay Y. Lee ซึ่งเป็นทายาทของอาณาจักร Samsung โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Lee ต้องเผชิญกับคดีความหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างการบริหารของบริษัท

คดีการควบรวมกิจการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ 2015 และดำเนินมานานเกือบ 10 ปี โดยเป็นข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับ การกำกับดูแลกิจการและอำนาจการควบคุมของครอบครัว Lee ในเครือ Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ที่มา : techcrunch