(13 ธ.ค. 67) ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศของ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) รายงานว่า ค่าเงินบาท เปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.00 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากการปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.82 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในตลาดโลก ขณะเดียวกันยังได้รับผลกระทบจากข้อมูล ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยตัวเลขดังกล่าวได้กระตุ้นการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า

ดัชนี PPI รวม (รวมหมวดอาหารและพลังงาน) ปรับตัวขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.6% ขณะที่ PPI พื้นฐาน (ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) ขยับขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.2%

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่าจำนวน ผู้ขอสวัสดิการว่างงาน เพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 242,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 220,000 ราย และถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน สะท้อนถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจส่งผลให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

ในทางกลับกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้และยังมีสัญญาณว่าจะดำเนินการลดดอกเบี้ยต่อไป

สำหรับ ค่าเงินบาท ในช่วงนี้มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามทิศทางของค่าเงินในภูมิภาค โดยได้รับอิทธิพลจากการเคลื่อนไหวของดอลลาร์และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางต่าง ๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก

กรอบค่าเงินบาท สำหรับวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 33.90 - 34.10 บาท/ดอลลาร์ โดยแนะนำกลยุทธ์ซื้อที่ 33.85 บาท/ดอลลาร์ และขายที่ 34.15 บาท/ดอลลาร์