สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมเปิดเวทีประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ในเร็ว ๆ นี้ โดยวางแผนปล่อยคลื่นทั้งหมด 6 ย่านความถี่ รวมปริมาณความถี่กว่า 450 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่ารวมเริ่มต้นกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบ 5G และการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย

เปิดรายละเอียดคลื่นความถี่ พร้อมราคาประมูล

ย่านความถี่ที่เปิดให้ประมูลในรอบนี้ครอบคลุมตั้งแต่ 850 MHz, 1500 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz จนถึง 26 GHz โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • คลื่น 850 MHz: 2 ใบอนุญาต (2x5 MHz) เริ่มต้นใบละ 6,609 ล้านบาท

  • คลื่น 1500 MHz: 11 ใบอนุญาต (5 MHz) ใบละ 904 ล้านบาท

  • คลื่น 1800 MHz: 7 ใบอนุญาต (2x5 MHz) ใบละ 6,219 ล้านบาท

  • คลื่น 2100 MHz: 12 ใบอนุญาต (2x5 MHz) ใบละ 3,391 ล้านบาท และ 3 ใบอนุญาต (5 MHz) ใบละ 497 ล้านบาท

  • คลื่น 2300 MHz: 7 ใบอนุญาต (10 MHz) ใบละ 1,675 ล้านบาท

  • คลื่น 26 GHz: 1 ใบอนุญาต (100 MHz) ราคา 423 ล้านบาท

ความเห็นต่างจากภาคส่วนต่าง ๆ

ขณะนี้ กสทช. อยู่ระหว่างสรุปผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งจัดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง โดยหนึ่งในประเด็นร้อนคือการนำคลื่น 3500 MHz มาร่วมประมูลด้วย ทว่าได้รับการคัดค้านจากกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เนื่องจากยังมีการใช้งานคลื่นอยู่จนถึงปี 2572

บอร์ด กสทช. จะประชุมในวันที่ 18 เมษายนนี้ เพื่อสรุปความชัดเจนอีกครั้ง โดยคาดว่ากำหนดการประมูลจริงจะเกิดขึ้นภายในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม

เสียงสะท้อนจากนักวิชาการและภาคประชาชน

ดร. พรเทพ เบญญาอภิกุล จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความกังวลต่อทิศทางการประมูลในครั้งนี้ โดยเฉพาะการปล่อยคลื่นล่วงหน้าก่อนสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุด ซึ่งอาจทำให้คลื่นถูกรวบรวมอยู่ในมือของผู้ให้บริการหลักเพียงไม่กี่ราย ส่งผลต่อโอกาสการแข่งขันและความเป็นธรรมในตลาด

ขณะเดียวกัน สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ชะลอการประมูล เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการเหลือผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 2 รายหลัก ซึ่งอาจเกิดภาวะผูกขาด และไม่มีมาตรการส่งเสริม MVNO หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเสมือนจริง ที่สามารถเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้

โจทย์สำคัญ: รัฐต้องรักษาดุลยภาพผลประโยชน์

ในสถานการณ์ที่การแข่งขันดูจะลดลง การประมูลคลื่นในรอบนี้ไม่เพียงแต่ต้องมองเรื่องรายได้เข้ารัฐ แต่ยังต้องคำนึงถึงการออกแบบนโยบายที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ และรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภค

คำถามที่ยังต้องการคำตอบจาก กสทช. ได้แก่

  • เหตุใดจึงเลือกจัดประมูลคลื่นจำนวนมากในรอบเดียว?

  • มีมาตรการใดรองรับกรณีที่ผู้ประกอบการรายใหญ่กวาดคลื่นไปทั้งหมด?

  • จะสร้างสมดุลระหว่างรายได้รัฐและการส่งเสริมการแข่งขันได้อย่างไร?

ในที่สุดแล้ว สิ่งที่ประชาชนเฝ้าจับตาคือ การประมูลครั้งนี้จะเป็นเพียงการแข่งขันระหว่างยักษ์ใหญ่ หรือจะมีโอกาสใหม่ ๆ สำหรับตลาดโทรคมนาคมไทยอย่างแท้จริง