OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นคว้าเชิงลึกเวอร์ชันเบา เตรียมปูทางสู่ยุค AI วิเคราะห์และเข้าใจข้อมูลอย่างแท้จริง
วันที่โพสต์: 25 เมษายน 2568 17:01:57 การดู 1 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
OpenAI เปิดเกมรุกใหม่ในตลาด AI ด้วยการปล่อยฟีเจอร์ “ค้นคว้าเชิงลึกเวอร์ชันเบา” หรือ Lightweight Deep Research สำหรับผู้ใช้ ChatGPT ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มใช้ฟรีไปจนถึงผู้ใช้งานระดับ Plus, Team และ Pro โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบให้สามารถสืบค้นและสรุปข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่างมีโครงสร้าง ด้วยความเร็วและประสิทธิภาพที่มากขึ้น แม้จะใช้โมเดลที่เล็กกว่าเวอร์ชันเต็ม
เบื้องหลังของฟีเจอร์นี้คือโมเดล AI รุ่น o4-mini ซึ่งแม้จะมีพลังประมวลผลน้อยกว่า GPT-4 เวอร์ชันเต็ม แต่สามารถให้คำตอบที่กระชับและตรงประเด็นได้ในระดับที่น่าประทับใจ ความสามารถในการลดต้นทุนการให้บริการของโมเดลรุ่นนี้ช่วยให้ OpenAI สามารถขยายเพดานการใช้งานให้กับผู้ใช้ทุกระดับได้มากขึ้น โดยเมื่อผู้ใช้ถึงขีดจำกัดของเวอร์ชัน Deep Research เต็ม ระบบจะสลับมาใช้เวอร์ชันเบาโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ยังสามารถค้นคว้าต่อได้อย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด AI ด้านการค้นคว้าข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทั้งจาก Google ที่เร่งพัฒนา Gemini, Microsoft ที่ผนวก Copilot เข้ากับชุดโปรแกรมสำนักงาน ไปจนถึง Grok ของ xAI ซึ่งมีจุดเด่นด้านการเข้าถึงข้อมูล X แบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ใหม่นี้ของ OpenAI ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ChatGPT จะไม่ยอมเป็นเพียง “ผู้ช่วยพูดคุย” อีกต่อไป แต่จะก้าวเข้าสู่บทบาท “ผู้ช่วยวิจัย” อย่างเต็มรูปแบบ
สิ่งที่ทำให้ฟีเจอร์นี้น่าสนใจไม่ใช่เพียงแค่การหาข้อมูลได้เร็วขึ้น แต่เป็นแนวทางใหม่ของ AI ที่เริ่มมีความสามารถเชิงตรรกะ (reasoning) มากขึ้น กล่าวคือ ไม่ใช่แค่ดึงข้อมูลมาสรุป แต่เริ่มเข้าใจและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การอ่านบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ สรุปงานวิจัย เปรียบเทียบข้อกฎหมาย หรือแม้แต่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข่าว
OpenAI ยังมีแผนขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังกลุ่มผู้ใช้องค์กรและภาคการศึกษาในเร็ว ๆ นี้ โดยจะมอบสิทธิ์การใช้งานระดับเดียวกับผู้ใช้กลุ่ม Team ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่องค์กรต่าง ๆ จะเริ่มนำ AI เข้ามาช่วยยกระดับกระบวนการทำงาน ความคิดเชิงวิพากษ์ และการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลรองรับ
แม้ฟีเจอร์นี้จะดูเรียบง่ายในแง่ของการใช้งาน แต่ในมุมลึกแล้ว มันสะท้อนทิศทางของวงการ AI ที่กำลังเคลื่อนไปสู่การ “ตีความ” และ “เข้าใจ” มากกว่าการ “จำลองคำตอบ” แบบเดิม และหากพัฒนาไปไกลกว่านี้อีกเพียงไม่กี่ก้าว โลกอาจได้เห็นยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพันธมิตรในการค้นพบความรู้ใหม่ ๆ ที่มนุษย์เองยังมองไม่เห็นมาก่อนด้วยซ้ำ
อยากให้ขยายเรื่องไหนต่อเพิ่มเติมไหม เช่น แนวโน้มของ reasoning AI หรือเปรียบเทียบฟีเจอร์ของแต่ละค่าย
ที่มา : techcrunch
แท็ก: OpenAI