วงการช้อปปิ้งออนไลน์ในสหรัฐฯ กำลังจะสะเทือนอีกครั้ง เมื่อสองแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Shein และ Temu เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าสำหรับลูกค้าชาวอเมริกันตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนนี้ สืบเนื่องจากมาตรการภาษีนำเข้าฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในยุครัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมุ่งเป้าโดยตรงไปที่สินค้าจากจีน

มาตรการใหม่นี้ไม่เพียงเพิ่มอัตราภาษีสินค้าจากจีนเป็นสูงถึง 145% เท่านั้น แต่ยังยกเลิก “ดีลลับ” ที่เคยทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ สั่งสินค้าราคาถูกจากจีนได้โดยไม่ต้องเสียภาษี หากสินค้านั้นมีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแต่เดิมมีการใช้ข้อยกเว้นนี้ในระดับวันละเกือบ 4 ล้านพัสดุจากจีน ส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านชาวอเมริกัน

Shein และ Temu ซึ่งกลายเป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคสายประหยัดในอเมริกา ด้วยจุดขายอย่าง “แฟชั่นเร็ว ราคาต่ำ ส่งไวจากจีน” อาจต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ในการรักษาราคาให้แข่งขันได้ ภายใต้ต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้นทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว

การปรับขึ้นราคาของสองแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อลูกค้าในสหรัฐฯ แต่ยังอาจสั่นคลอนภาพรวมของอีคอมเมิร์ซข้ามทวีป โดยเฉพาะธุรกิจที่อิงกับระบบโลจิสติกส์ราคาประหยัดและช่องโหว่ภาษีเป็นหลัก ผู้บริโภคที่เคยได้เสื้อยืดราคา 3 ดอลลาร์ อาจต้องจ่ายแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Amazon เองก็จับตามอง Shein และ Temu อย่างใกล้ชิด โดยมองว่าเป็นคู่แข่งตัวจริงที่อันตรายกว่าร้านค้าท้องถิ่นอย่าง Walmart หรือ Target เสียอีก ถึงขั้นเปิดแผนก “Amazon Haul” ที่ขายสินค้าราคาถูกแบบแมสส์ เพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าระดับล่างกลับคืนมา

ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ Shein และ Temu พยายามผลักดันให้ลูกค้ารีบซื้อสินค้าก่อนราคาขึ้น พร้อมส่งแคมเปญส่งเสริมการขายชุดใหญ่ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงเส้นตายภาษี

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญในตอนนี้คือ การขึ้นราคาจะกระทบความนิยมของทั้งสองแบรนด์แค่ไหน และตลาดอีคอมเมิร์ซโลกจะปรับตัวอย่างไรในวันที่ “ข้อยกเว้นภาษี” กลายเป็นอดีต

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองระหว่างประเทศไม่ได้ส่งผลแค่ในห้องประชุม แต่สามารถเปลี่ยนวิธีที่คนซื้อเสื้อผ้าผ่านมือถือได้ในชั่วข้ามคืน — และเราอาจกำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ปฏิรูปวงการช้อปปิ้งออนไลน์ไปอีกขั้น