ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ตามสัญญารายใหญ่ที่สุดในโลกและผู้ผลิตหลักของ iPhone สำหรับแอปเปิล เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า บริษัทมีความพร้อมในการปรับแผนการผลิตเพื่อรองรับมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเก็บภาษี 25 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ภาษีดังกล่าวได้ถูกระงับชั่วคราวจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2025 หลังจากมีการเจรจาต่อรองในระดับต่าง ๆ

นายหยาง หลิว (Young Liu) ประธานฟ็อกซ์คอนน์ กล่าวว่า บริษัทมีโรงงานผลิตทั้งในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ซึ่งสามารถปรับกำลังการผลิตให้เหมาะสมตามการปรับเปลี่ยนของนโยบายภาษี "ขึ้นอยู่กับภาษีที่ได้รับการปรับ เราจะวางแผนกำลังการผลิตที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์" นายหลิวกล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองนิวไทเป

ฟ็อกซ์คอนน์ยังมีความมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าในสหรัฐฯ และพร้อมทำข้อตกลงกับพันธมิตรภายในประเทศเพื่อรองรับข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ "เราจะทำการปรับแผนการผลิตกับพันธมิตรในสหรัฐฯ ตามคำขอของรัฐบาล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่กำหนด" นายหลิวกล่าว

ประธานฟ็อกซ์คอนน์ยังได้กล่าวเสริมว่า ถึงแม้บริษัทจะสามารถปรับการผลิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ภาษีใหม่ได้ แต่การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจโลก "ภาษีโดยรวมจะทำให้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา และส่งผลให้ตลาดลดขนาดลง" นายหลิวกล่าวพร้อมระบุว่า การเก็บภาษีเพิ่มจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เนื่องจากมีโอกาสที่จะทำให้ราคาและต้นทุนสินค้าสูงขึ้น

ฟ็อกซ์คอนน์ซึ่งมีฐานการผลิตในหลายประเทศทั่วโลกได้กล่าวถึงการปรับตัวตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราภาษีสูงขึ้น และจะทำการพิจารณาตลาดและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ นายหลิวยังกล่าวว่า บริษัทจะยังคงลงทุนในโครงการขยายฐานการผลิตในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดโลก และเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต โดยจะพิจารณาปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการค้าและการเมืองที่เกิดขึ้น

การประกาศภาษีของทรัมป์อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งเสริมการผลิตในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ ที่มีการผลิตในประเทศที่มีภาษีสูง แต่ฟ็อกซ์คอนน์มั่นใจว่า บริษัทจะสามารถปรับตัวได้และไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลักในระยะยาว